เมื่อเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI ไม่ได้เป็นเพียง buzzword ที่พูดถึงกันในห้องประชุมของบริษัทยักษ์ใหญ่อีกต่อไป หากแต่กำลังค่อย ๆ ไหลบ่าเข้าสู่กระดูกสันหลังของผู้ประกอบการขนาดเล็กในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศไทยที่ธุรกิจอีคอมเมิร์ซกำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด — คำถามคือ “เราพร้อมแค่ไหน?”
การเข้าใจผิดระหว่าง ‘รู้จัก AI’ กับ ‘ใช้งาน AI’ จริง
หนึ่งในประเด็นหลักจากรายงาน “โอกาสจาก AI: เปิดมุมมองและเทรนด์การใช้งาน AI ของผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” โดยลาซาด้าและกันตาร์ คือ “ช่องว่างระหว่างการรับรู้กับการใช้งานจริง” ที่สูงที่สุดในภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศไทย ผู้ขาย 46% บอกว่ารู้จัก AI แต่ใช้งานจริงแค่ 39% ของกระบวนการธุรกิจเท่านั้น
ความเข้าใจผิดนี้อาจไม่ใช่เรื่องเล็ก เพราะในมุมของการวางกลยุทธ์ มันชี้ให้เห็นว่า ยังมีผู้ประกอบการจำนวนมากที่คิดว่าตนเอง ‘อยู่ในเกมเทคโนโลยี’ แต่จริง ๆ แล้ว ‘เพิ่งวางเท้าเข้ามา’

ความไม่มั่นใจที่มาพร้อมกับต้นทุน
แม้เกือบทุกคนจะเห็นด้วยว่า AI สามารถเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และขยายตลาดได้ แต่มีเพียง 1 ใน 5 เท่านั้นที่กล้าลงมือใช้แบบเต็มรูปแบบ
เหตุผล? ไม่ใช่เพราะไม่เชื่อ แต่เป็นเรื่องของ “ต้นทุน” ทั้งทางการเงินและการเรียนรู้ — 84% ของผู้ขายไทยกลัวค่าพัฒนาทักษะทีมงาน ส่วนอีก 88% บอกว่า พนักงานยังยึดติดกับเครื่องมือเดิมที่คุ้นเคย แม้จะมี AI ทางเลือกที่ดีกว่าก็ตาม
ซึ่งนี่คือ “Pain Point” สำคัญที่แพลตฟอร์มอย่างลาซาด้าเริ่มมองเห็นและแก้ปัญหาด้วยโซลูชันเฉพาะกลุ่ม

จาก AI Adepts ถึง AI Agnostics: ผู้ขายในเอเชียอยู่ตรงไหนของเส้นทางเทคโนโลยี
การแบ่งกลุ่มผู้ขายออกเป็น 3 ประเภทตามระดับการใช้งาน AI คือ:
- AI Adepts (มือโปร): ใช้งาน AI ในธุรกิจมากกว่า 80% (มีแค่ 24% ของผู้ขายที่อยู่ในกลุ่มนี้)
- AI Aspirants (มือใหม่): ใช้บ้างแต่ยังไม่ครบทุกด้าน
- AI Agnostics (ไม่ใช่เลย): ยังไม่เริ่ม
ประเทศไทยถือเป็นประเทศเดียวที่มีสัดส่วน AI Adepts ถึง 30% นำหน้าเพื่อนบ้านในภูมิภาค ซึ่งชี้ให้เห็นว่า “ผู้นำแห่งการปรับตัว” กำลังเกิดขึ้นในไทย — แต่ในขณะเดียวกัน กลุ่ม Aspirants และ Agnostics ก็ยังมีอยู่มาก
นี่คือโอกาสและสัญญาณว่าประเทศไทยอาจกลายเป็น “ศูนย์กลางการทดลอง AI” ที่สามารถดึงดูดความร่วมมือระดับภูมิภาค หากมีนโยบายหรือแรงสนับสนุนที่เหมาะสม

ลาซาด้าในบทบาทมากกว่าแพลตฟอร์มขายของ
สิ่งที่น่าสนใจคือ ลาซาด้าไม่ได้หยุดแค่เป็น “ผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม” แต่พัฒนาตัวเองเป็น “ผู้เสริมพลัง (enabler)” ให้กับผู้ขายด้วยชุดเครื่องมือ AI ที่เฉพาะเจาะจงและจับต้องได้ ไม่ว่าจะเป็น:
- AI Smart Listing: เขียนคำอธิบายสินค้าให้อัตโนมัติ
- Virtual Try-Ons: ให้ลูกค้าลองสินค้าเสมือนจริง
- AI Selling Points: วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้าแล้วสรุปจุดขาย
- LISA: แชทบอทตอบคำถามลูกค้าทันที
และกำลังจะมี GenAI Tools เพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ ซึ่งน่าจะเป็นตัวเร่งที่สำคัญให้เกิดการใช้งาน AI แบบเป็นวงกว้างในกลุ่มผู้ขายขนาดเล็กถึงกลาง


การปรับตัวไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่คือวัฒนธรรมองค์กร
หนึ่งในอุปสรรคสำคัญที่รายงานระบุชัดคือ “ความเคยชิน” ของทีมงานในการใช้เครื่องมือเดิม — เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็น “การเปลี่ยนผ่านเชิงวัฒนธรรม”
ถ้าองค์กรยังติด mindset ว่า “ถ้าใช้มือทำได้ ก็ไม่ต้องเปลี่ยน” AI ก็จะกลายเป็นเพียงของเล่นที่อยู่ในชั้นโชว์ ไม่ได้อยู่ในชีวิตจริงของธุรกิจ
ผู้ขายไทยจึงต้องการมากกว่าคู่มือ ต้องการ “การเรียนรู้แบบมีปฏิสัมพันธ์” เช่น คลาสออนไลน์, การสาธิตแบบเวิร์กชอป, และ community ของผู้ใช้งาน AI ร่วมกัน ซึ่งแพลตฟอร์มควรเร่งสร้าง

บทบาทของรัฐบาลและการศึกษาในระยะยาว
การผลักดันให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าใจและใช้ AI ได้ ไม่ใช่ภาระของแพลตฟอร์มเพียงอย่างเดียว รัฐบาลสามารถเข้ามาเป็นผู้สนับสนุนในเชิงนโยบาย เช่น:
- ให้เครดิตภาษีกับธุรกิจที่ลงทุนด้าน AI
- ส่งเสริมหลักสูตร AI สำหรับ SME ผ่านมหาวิทยาลัยและภาคเอกชน
- เปิด grant สำหรับธุรกิจที่ต้องการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุค AI
สิ่งเหล่านี้จะทำให้การเติบโตของ AI ในอีคอมเมิร์ซไทยไม่ใช่แค่ “เร็ว” แต่ “ยั่งยืน”

อนาคตของอีคอมเมิร์ซไทย เมื่อ AI ไม่ใช่เรื่องของ “เจ้าใหญ่” อีกต่อไป
การขับเคลื่อนเทคโนโลยี AI ในวงการอีคอมเมิร์ซไทย อาจเคยถูกมองว่าเป็นเรื่องของบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีงบประมาณและทรัพยากรเพียงพอ แต่รายงานของลาซาด้าชี้ให้เห็นว่าความจริงเริ่มเปลี่ยนไป
กว่า 67% ของผู้ขายในลาซาด้าระบุว่า พึงพอใจอย่างมากกับเครื่องมือ AI ที่ใช้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลยอดขายแบบเรียลไทม์ การใช้ภาพ AR จำลองผลิตภัณฑ์ หรือการสร้างคอนเทนต์โฆษณาโดยไม่ต้องมีกราฟิกดีไซเนอร์
นั่นหมายความว่า AI กำลังทำให้ “ความได้เปรียบทางเทคโนโลยี” กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนเข้าถึงได้ — และนั่นคือการกระจายอำนาจแห่งนวัตกรรม (Democratization of Innovation)

เทคโนโลยีไม่ได้เปลี่ยนโลก แต่เปลี่ยนวิธี ‘อยู่ในโลก’ ของธุรกิจ
AI ไม่ได้เข้ามาแทนที่มนุษย์ แต่มันเข้ามาแทนที่ ‘งานซ้ำซาก’ เพื่อให้มนุษย์มีเวลาสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ลาซาด้ากำลังนำเสนอเครื่องมือ AI ที่ไม่ได้เป็นแค่เทคโนโลยี “อัตโนมัติ” แต่เป็น “ผู้ช่วย” ทางธุรกิจในยุคที่ต้องเร็ว แม่น และวัดผลได้ตลอดเวลา
เมื่อผู้ประกอบการไทยเริ่มคุ้นเคยกับเครื่องมือเหล่านี้ ความกลัวจะค่อย ๆ กลายเป็นความมั่นใจ และเมื่อมีความมั่นใจ โอกาสในการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดดก็จะเกิดขึ้นจริง

จาก ‘การรับรู้’ สู่ ‘การปฏิบัติ’ และ ‘การเติบโตอย่างยั่งยืน’
รายงานฉบับนี้ไม่ได้เป็นเพียงผลวิจัยเพื่อประชาสัมพันธ์เทคโนโลยีของแพลตฟอร์มใด แต่คือสัญญาณเตือน (wake-up call) สำหรับทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และเจ้าของกิจการทุกระดับว่า หากไม่เริ่มเรียนรู้และใช้ AI ตั้งแต่วันนี้ พรุ่งนี้อาจไม่มีที่ให้ยืนในสนามอีคอมเมิร์ซที่แข่งขันดุเดือดขึ้นทุกวัน
ยิ่งเราผลักดันให้ AI กลายเป็นสิ่งที่ใช้ได้ง่าย ราคาจับต้องได้ และมีโครงสร้างพื้นฐานรองรับ ยิ่งทำให้ผู้ขายขนาดเล็กสามารถยืนอยู่บนเวทีเดียวกับผู้เล่นรายใหญ่ได้อย่างมั่นใจ
บทสรุปสุดท้าย: ไทยอาจไม่ใช่ผู้นำเทคโนโลยี แต่สามารถเป็นผู้นำการปรับตัว
เราอาจไม่สามารถแข่งขันกับประเทศอย่างจีนหรือสหรัฐในแง่ของการคิดค้นเทคโนโลยี AI ได้ แต่ประเทศไทยมีศักยภาพในการเป็น “ผู้นำการปรับตัว” ที่รวดเร็ว กล้าเสี่ยง และกล้าทดลอง — หากมีเครื่องมือถูกต้อง ความรู้ถูกต้อง และเครือข่ายที่สนับสนุนอย่างจริงจัง
ในเกมของ AI ผู้ชนะไม่ใช่คนที่เริ่มก่อนเสมอไป… แต่คือคนที่ “เรียนรู้ไว และลงมือใช้จริงได้ก่อนคนอื่น”
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดาวน์โหลด “คู่มือการเตรียมพร้อมด้าน AI สำหรับผู้ขายออนไลน์ (Online Sellers Artificial Intelligence Readiness Playbook)” เพื่อศึกษาแนวทางและคำแนะนำในการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี AI ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อผลักดันการเติบโต เพิ่มประสิทธิภาพ และสร้างสรรค์นวัตกรรมในโลกอีคอมเมิร์ซที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง
FAQs : ขายดีด้วย AI: เคล็ดลับที่ผู้ประกอบการไทยควรรู้ก่อนพลาดโอกาสโตในตลาดอีคอมเมิร์ซ
Q1: AI คืออะไร และทำไมถึงสำคัญกับธุรกิจอีคอมเมิร์ซในปัจจุบัน?
A1: AI หรือปัญญาประดิษฐ์ คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้ระบบสามารถคิด วิเคราะห์ และตัดสินใจได้คล้ายมนุษย์ มีบทบาทสำคัญในอีคอมเมิร์ซเพราะช่วยลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพ และปรับแต่งประสบการณ์ลูกค้าแบบเฉพาะเจาะจง
Q2: สถานะของผู้ขายไทยในเรื่องการใช้ AI เป็นอย่างไร?
A2: ผู้ขายไทยมีการใช้งาน AI อยู่ที่ 39% ของกระบวนการธุรกิจ โดยมีช่องว่างระหว่างการรับรู้กับการใช้งานจริงถึง 15% สูงที่สุดในภูมิภาค
Q3: อะไรคือความท้าทายหลักของผู้ขายไทยในการใช้งาน AI?
A3: ความท้าทายหลักคือความไม่มั่นใจในประโยชน์ของ AI, ความกังวลเรื่องต้นทุนพัฒนาทีมงาน และการยึดติดกับเครื่องมือแบบเดิ
Q4: ผู้ขายประเภทไหนที่ล้ำหน้าที่สุดในด้านการใช้ AI?
A4: กลุ่ม AI Adepts คือผู้ขายที่ใช้ AI มากกว่า 80% ของกระบวนการธุรกิจ โดยไทยมีสัดส่วนสูงสุดในภูมิภาคถึง 30%
Q5: ลาซาด้าช่วยสนับสนุนผู้ขายอย่างไรในเรื่อง AI?
A5: ลาซาด้าจัดทำคู่มือ “AI Readiness Playbook” พร้อมพัฒนาเครื่องมือ AI อย่าง AI Smart Listing, Lazzie Seller และฟีเจอร์แปลภาษาอัตโนมัติ
Q6: เครื่องมือ AI ของลาซาด้าที่ผู้ขายนิยมใช้มีอะไรบ้าง?
A6: เช่น Virtual Try-Ons, AI Selling Points, LISA (แชทบอท), และ Lazada Business Advisor โดยแต่ละเครื่องมือช่วยเพิ่มยอดขายและประหยัดเวลา
Q7: การใช้ AI จะเพิ่มยอดขายได้จริงหรือไม่?
A7: ใช่ ผู้ขายที่ใช้ฟีเจอร์ AI อย่างต่อเนื่อง เช่น AI Selling Points และ Sponsored Solutions รายงานว่ายอดขายเติบโตชัดเจน
Q8: หากยังไม่พร้อมใช้ AI ควรเริ่มจากจุดไหนก่อน?
A8: เริ่มจากการใช้ฟีเจอร์ที่ไม่ซับซ้อน เช่น AI Smart Listing หรือ AI Translation เพื่อฝึกความคุ้นเคยก่อนค่อยขยายไปยังการวิเคราะห์ขั้นสูง
Q9: จะวัดความคุ้มค่าจากการใช้ AI ได้อย่างไร?
A9: ประเมินจากเวลาที่ประหยัด, ค่าใช้จ่ายที่ลดลง, และยอดขายที่เพิ่มขึ้น โดยสามารถดูข้อมูลผ่านเครื่องมือวิเคราะห์ในแพลตฟอร์มได้โดยตรง
Q10: ธุรกิจขนาดเล็กจำเป็นต้องใช้ AI หรือไม่?
A10: จำเป็น เพราะ AI ไม่ใช่แค่ช่วยลดต้นทุน แต่ยังเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับผู้ขายรายใหญ่ ทำให้เข้าถึงลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้น