หนึ่งเดือนหลังเหตุการณ์แผ่นดินไหวในประเทศไทยเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 โลกธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ไทยได้สัมผัสถึงแรงสั่นสะเทือน ไม่ใช่เพียงในมิติของอาคารที่ก่อสร้าง แต่รวมถึงความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เศรษฐกิจมหภาค และแนวทางการปรับตัวของผู้ประกอบการ
หนึ่งในองค์กรที่ตอบสนองได้รวดเร็วและชัดเจน คือ บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ซึ่งไม่เพียงแต่ประคองตัวรอดจากแรงกระแทกของตลาด แต่ยังมองเห็นโอกาสในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมด้วยการนำแนวคิดญี่ปุ่นเข้ามาประยุกต์ใช้ทันที

แรงสั่นสะเทือนที่มากกว่าตัวเลขริกเตอร์
เหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุดสร้างความเสียหายเล็กน้อยในหลายพื้นที่ของไทย แต่ผลกระทบต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กลับสะเทือนในระดับจิตวิทยาและเศรษฐกิจ เสนาเผยว่าแรงกดดันมาจากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลก ปัญหาหนี้สินบริษัทในประเทศ และสงครามการค้าที่รุนแรงขึ้นภายใต้การนำของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ส่งผลต่อราคาวัสดุก่อสร้าง โดยเฉพาะเหล็ก ซึ่งเป็นวัสดุหลักในงานก่อสร้าง.
ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการของเสนา ชี้ว่า “การบริหารความเสี่ยงวันนี้ ไม่ใช่เพียงตอบสนองต่อเหตุการณ์ แต่ต้องเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้”

ญี่ปุ่นต้นแบบ – จากภัยพิบัติสู่แนวทางมาตรฐานใหม่
หลังเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหว เสนาได้อาศัยพันธมิตรจากญี่ปุ่นอย่าง ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป (HHP) นำแนวคิด Geo fit+ ซึ่งเป็นระบบป้องกันภัยพิบัติขั้นสูงมาปรับใช้กับโครงการใหม่ทันที นวัตกรรมดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่โครงสร้างต้านทานแรงสั่นสะเทือน ไปจนถึงการออกแบบเพื่อเอื้อต่อการหลบหนีในกรณีฉุกเฉิน
นอกจากนี้ เสนายังตั้ง War Room ภายใน 1 ชั่วโมงหลังเกิดเหตุการณ์ เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของโครงการในทันที ครอบคลุมทั้งคอนโดมิเนียม 62 โครงการ และโครงการแนวราบ 46 โครงการทั่วประเทศ.
ผลลัพธ์จากการตรวจสอบเผยว่า โครงสร้างหลักทุกแห่งยังคงปลอดภัย แม้จะมีรอยร้าวทางสถาปัตยกรรมเล็กน้อยในบางจุด เช่น ผนังและฝ้าเพดาน

ยุทธศาสตร์ใหม่: จากการป้องกันสู่การเติบโต
การเผชิญกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันเปิดโอกาสให้เสนาเร่งพัฒนาโมเดลธุรกิจใหม่ โดยเปิดตัวโครงการ “LivNex เช่าออมบ้าน” และ “RentNex” เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่มีข้อจำกัดในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย
LivNex เช่าออมบ้าน เป็นนวัตกรรมทางการเงินที่ให้ผู้เช่าเริ่มต้นสะสมเงินออมจากค่าเช่า โดยมีโอกาสเปลี่ยนสถานะเป็นเจ้าของบ้านภายใน 3 ปี เหมาะสำหรับผู้ที่ยังไม่สามารถกู้ซื้อบ้านได้ในครั้งแรก.
ในขณะที่ RentNex เป็นโมเดลเช่าแบบสมาชิก เพื่อรองรับ Generation Rent ที่มองหาความยืดหยุ่นในการอยู่อาศัย โดยค่าเช่าเริ่มต้นเพียง 6,700 บาทต่อเดือน
การเปิดตัวสองโมเดลนี้สอดคล้องกับเทรนด์โลกที่ผู้คนเริ่มมอง “การเช่า” ไม่ใช่ทางเลือกที่ด้อยกว่า “การซื้อ” อีกต่อไป แต่เป็นการบริหารการเงินและไลฟ์สไตล์ที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจปัจจุบัน

การบริหารความเสี่ยงเชิงรุก และการสื่อสารกับลูกค้า
เพื่อสร้างความมั่นใจ เสนายังได้ออกมาตรการเร่งด่วน SENA’s Protocol ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก คือ:
- เร่งตรวจสอบอาคาร: โดยทีมวิศวกรภายในและ Third Party ผู้เชี่ยวชาญจากภายนอก
- สำรวจและแก้ไขเชิงลึก: เปิดให้ลูกบ้านแจ้งปัญหาผ่านแอป SEN PROP
- เคลมประกันและซ่อมแซม: ดำเนินการรวดเร็วเพื่อคืนสภาพอาคาร
แนวทางการสื่อสารอย่างโปร่งใสนี้ สอดคล้องกับงานวิจัยที่พบว่า ในภาวะวิกฤต ความโปร่งใสและการสื่อสารอย่างรวดเร็ว มีผลโดยตรงต่อระดับความเชื่อมั่นของลูกค้า (แหล่งข้อมูล: Harvard Business Review, 2023)
อนาคตของเสนาและบทเรียนที่ได้
มองไปข้างหน้า ดร.เกษราเผยว่า เสนายังคงมุ่งมั่นดำเนินโครงการตามแผนงาน โดยชะลอการก่อสร้าง 6 โครงการชั่วคราว เพื่อปรับใช้แนวคิด Geo fit+ อย่างสมบูรณ์ก่อนการก่อสร้างจริง ซึ่งจะทำให้โครงการใหม่มีมาตรฐานความปลอดภัยสูงสุด
การพลิกวิกฤตเป็นโอกาสเช่นนี้ไม่เพียงเป็นบทเรียนสำคัญของเสนา แต่ยังสะท้อนภาพรวมของอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ต้องการการยกระดับมาตรฐานอย่างเป็นระบบ
การศึกษาจาก The World Bank ชี้ว่าประเทศที่มีมาตรฐานการก่อสร้างที่เข้มงวด จะสามารถฟื้นตัวจากภัยพิบัติได้เร็วกว่าประเทศที่ไม่มีมาตรการควบคุมที่เหมาะสมถึง 40%【แหล่งอ้างอิง: World Bank 2023】.
สรุป: แผ่นดินไหวที่สะท้อน “เสถียรภาพทางธุรกิจ”
เหตุการณ์แผ่นดินไหวไม่ได้เพียงแค่ทำให้โครงสร้างอาคารสั่นสะเทือน แต่ยังเป็นบททดสอบเสถียรภาพทางกลยุทธ์ของธุรกิจด้วย การที่เสนาสามารถตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว นำแนวทางใหม่มาใช้ และมองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ คือภาพสะท้อนขององค์กรที่ไม่เพียงแต่ตั้งรับ แต่พร้อมก้าวเดินอย่างมั่นคงในทุกสถานการณ์
ในโลกที่ภัยพิบัติและเศรษฐกิจโลกเต็มไปด้วยความไม่แน่นอน องค์กรที่สามารถผสานเทคโนโลยี ความรู้ และความเข้าใจลูกค้าเข้าด้วยกัน คือผู้ที่จะอยู่รอด และเติบโตได้อย่างแท้จริง
เอกสารอ้างอิง:
- เสนาดีเวลลอปเม้นท์, ข่าวประชาสัมพันธ์ “เสนา ชี้บทเรียนสำคัญหลังแผ่นดินไหว”, 2568
- Harvard Business Review. (2023). “How Transparency Builds Trust During Crisis”.
- World Bank Report. (2023). “Disaster Risk Management for Urban Resilience”.
FAQs : เสนาฯ พัฒนามาตรฐานใหม่ หลังบทเรียนจากแผ่นดินไหว 2568
Q1: เสนาตอบสนองต่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวยังไงในช่วง 1 ชั่วโมงแรก?
A1: เสนาตั้ง War Room ภายใน 1 ชั่วโมงแรกหลังเกิดเหตุ เพื่อติดตามสถานการณ์และจัดทีมวิศวกรลงพื้นที่ตรวจสอบโครงสร้างโครงการทันที
Q2: ผลกระทบที่เสนาพบจากแผ่นดินไหวมีอะไรบ้าง?
A2: ส่วนใหญ่พบเพียงรอยร้าวเล็กน้อยในผนังและฝ้าเพดาน แต่โครงสร้างหลักของอาคารยังมั่นคงปลอดภัยทุกโครงการ.
Q3: เสนาใช้แนวทางอะไรจากญี่ปุ่นในการยกระดับโครงการใหม่?
A3: เสนานำแนวคิด Geo fit+ จากพันธมิตรญี่ปุ่น ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ป มาปรับใช้เพื่อเสริมความสามารถในการต้านทานภัยพิบัติ.
Q4: SENA’s Protocol มีแนวทางหลักอะไรบ้าง?
A4: แบ่งเป็น 3 แนวทางคือ ตรวจสอบอาคาร, สำรวจเชิงลึกผ่านแอป SEN PROP และเร่งเคลมประกันพร้อมซ่อมแซม.
Q5: LivNex เช่าออมบ้าน คืออะไร?
A5: LivNex คือโครงการที่ให้ลูกค้าเช่าและสะสมเงินออม โดยมีโอกาสเปลี่ยนเป็นเจ้าของบ้านได้ภายใน 3 ปี เหมาะกับผู้กู้สินเชื่อไม่ผ่าน.
Q6: RentNex แตกต่างจาก LivNex อย่างไร?
A6: RentNex เป็นโมเดลเช่าแบบสมาชิก เริ่มต้นเพียง 6,700 บาท/เดือน สำหรับผู้ที่ต้องการความยืดหยุ่นสูง ไม่ผูกพันระยะยาว.
Q7: ปัจจัยเศรษฐกิจโลกที่กระทบอสังหาฯ ไทยตอนนี้มีอะไรบ้าง?
A7: ประกอบด้วยสงครามการค้า ราคาวัสดุก่อสร้างเพิ่มขึ้น และปัญหาหนี้ของบริษัทในประเทศ.
Q8: เหตุใดเสนาจึงต้องหยุดการก่อสร้างบางโครงการชั่วคราว?
A8: เพื่อปรับใช้แนวทาง Geo fit+ จากญี่ปุ่นอย่างเต็มรูปแบบก่อนเริ่มการก่อสร้างใหม่ เพื่อยกระดับความปลอดภัย.
Q9: กลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงใหม่ของเสนามีจุดเด่นอะไร?
A9: เน้นการวางแผนล่วงหน้า รองรับภัยพิบัติที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ และสื่อสารอย่างโปร่งใสกับลูกค้า.
Q10: เหตุการณ์นี้ให้บทเรียนอะไรกับอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ไทย?
A10: ความสำคัญของการมีมาตรฐานโครงสร้างที่แข็งแกร่ง การบริหารความเสี่ยงอย่างเป็นระบบ และการสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์วิกฤต.