fbpx

เปลี่ยนองค์กรให้ไวขึ้น ด้วย Dashboard สื่อสารภายใน

ในโลกของงานประชาสัมพันธ์ เราอาจคุ้นเคยกับการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ผ่านแคมเปญภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการโปรโมตสินค้าใหม่ หรือการสื่อสารกับสื่อมวลชน แต่มีอีกมิติหนึ่งของการสื่อสารที่สำคัญไม่แพ้กัน นั่นคือ “การสื่อสารภายใน” ซึ่งเปรียบเสมือนกลไกเงียบที่ขับเคลื่อนวัฒนธรรมองค์กร และทำให้เป้าหมายของธุรกิจเกิดผลในทางปฏิบัติอย่างแท้จริง

การสื่อสารภายใน

ทำไมการสื่อสารภายในจึงสำคัญกว่าที่คิด

จากรายงานของ Gallup ปี 2024 พบว่า อัตราความผูกพันพนักงานทั่วโลกลดเหลือเพียง 21% และที่แย่ยิ่งกว่า ผู้จัดการหรือหัวหน้าทีมมี engagement เพียง 27%

อย่างไรก็ตาม ข้อมูลเฉพาะประเทศไทยจาก Gallup Thailand เผยว่าอัตราความผูกพันของพนักงานไทยอยู่ที่ 29% ในปี 2024 มากกว่าค่าเฉลี่ยของอาเซียน (26%) และมากกว่าค่าเฉลี่ยโลก (21%)

ถึงแม้อัตรานี้ดูสูงกว่าค่าเฉลี่ย แต่ก็ยังแค่ราวหนึ่งในสามของพนักงานเท่านั้นที่รู้สึก “มีส่วนร่วมพร้อมกระตือรือร้น” การพลาดโอกาสในการสร้างความผูกพันนี้ จึงหมายถึง “ต้นทุนที่ยังหลงเหลืออยู่” ต่อองค์กรในไทยเช่นกัน

ปัจจัยสำคัญที่สร้างความผูกพันในไทย

1. การรับฟังและตอบสนองอย่างมีนัยยะ

งานวิจัยของ Qualtrics ระบุว่า พนักงานไทยมีความผูกพันต่อองค์กรถึง 72% เมื่อองค์กร รับฟังและนำ feedback ไปปฏิบัติจริง

2. ความสุขในการทำงาน = ความผูกพันกับองค์กร

กรณีศึกษาในไทย (เช่น บริษัทยาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ) พบว่า เมื่อพนักงานมีความสุขในการทำงานจากสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อความรู้สึกเป็นเจ้าของ (ownership) จะสร้าง engagement ต่อองค์กรตามมา

3. ประสบการณ์และตำแหน่งมีผลต่อผูกพัน

งานวิจัยในอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยพบว่า พนักงานที่มีประสบการณ์ 1–5 ปี และพนักงานระดับปฏิบัติการ มีระดับความผูกพันต่างจากพนักงานที่มีประสบการณ์และตำแหน่งระดับสูงอย่างมีนัยยะสำคัญ จึงแนะนำให้องค์กรกระจายอำนาจการตัดสินใจให้พนักงานเหล่านี้ ช่วยเพิ่มทั้งความผูกพันและผลลัพธ์งาน

นักประชาสัมพันธ์ที่ทำหน้าที่ด้านการสื่อสารภายในสามารถใช้โอกาสนี้แสดงบทบาทเชิงกลยุทธ์ ด้วยการเชื่อมโยงความรู้สึกของพนักงานเข้ากับผลลัพธ์เชิงธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นประสิทธิภาพงาน การรักษาพนักงาน หรือแม้แต่รายได้ขององค์กร

ข้อมูลคือภาษาสากลของผู้บริหาร

สิ่งหนึ่งที่นัก PR ควรเข้าใจคือ ผู้บริหารมักให้ความสำคัญกับข้อมูลที่สามารถเชื่อมโยงกับผลลัพธ์ที่วัดได้ การส่งอีเมลภายในองค์กรอาจดูเล็กน้อย แต่หากสามารถแสดงให้เห็นว่าอีเมลนั้นส่งผลต่ออัตราการใช้เครื่องมือใหม่ หรือการปรับตัวของพนักงานที่นำไปสู่รายได้เพิ่มขึ้น นั่นคือ “ภาษาที่ผู้บริหารฟังเข้าใจ”

ข้อมูลยังสามารถใช้เพื่อแสดงความคุ้มค่าของการรักษาพนักงาน ซึ่งช่วยลดต้นทุนการสรรหาและฝึกอบรมได้อย่างมหาศาล

จากข้อมูลสู่การเล่าเรื่อง: ศิลปะแห่งการโน้มน้าว

การนำเสนอข้อมูลให้ได้ผล ไม่ใช่แค่การใส่กราฟจำนวนมาก แต่คือ “การเล่าเรื่องด้วยข้อมูล” นัก PR ควรตั้งต้นด้วยการเข้าใจผู้ฟัง—ผู้บริหารแต่ละคนมีความสนใจเฉพาะตัว เช่น CEO อาจสนใจการเติบโตของธุรกิจ ขณะที่ CMO สนใจภาพลักษณ์องค์กร

ควรเล่าเรื่องตามโครงสร้าง “สถานการณ์ – ปัญหา – ทางออก” พร้อมสอดแทรกคำพูดที่ชวนคิด และตัวอย่างจริง เพื่อให้ข้อมูลไม่ใช่ตัวเลขแห้ง ๆ แต่กลายเป็น “เรื่องเล่าที่เปลี่ยนแปลงองค์กรได้”

Dashboard สำหรับผู้บริหาร: ภาพรวมที่มีชีวิต

หนึ่งในเครื่องมือทรงพลังคือ Executive Dashboard—ระบบแสดงผลแบบ real-time ที่สามารถบอกถึงสุขภาพขององค์กรผ่าน KPI เพียงไม่กี่ตัว แต่ชัดเจนและเข้าใจง่าย

ไม่ควรออกแบบ dashboard เพียงชุดเดียว แต่ควร “ปรับตามผู้ใช้” เช่น CFO อาจสนใจต้นทุนแรงงาน ขณะที่ HR สนใจอัตราการลาออก Dashboard ที่ดีต้อง “กระชับแต่ครบ” เพื่อให้ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้ทันทีโดยไม่ต้องประชุมซ้ำซ้อน

Executive Dashboard เป็นเครื่องมือเชิงภาพที่ใช้ในการรายงานข้อมูลสำคัญ (Key Metrics) ให้กับผู้บริหารในรูปแบบที่เข้าใจง่าย เห็นภาพรวมชัดเจน และสามารถใช้ในการตัดสินใจได้ทันที โดยไม่ต้องอ่านรายงานยาว ๆ

องค์ประกอบสำคัญของ Executive Dashboard

  1. Defined Objective (เป้าหมายที่ชัดเจน)
    เช่น ลดอัตราการลาออกของพนักงานลง 50%
  2. Historical Data (ข้อมูลย้อนหลัง)
    แสดงสถานการณ์ปัจจุบัน เช่น อัตราการลาออกโดยเฉลี่ย 12% และต้นทุนการทดแทนพนักงาน 50,000 บาท
  3. Current Data (ข้อมูลปัจจุบัน)
    แสดงการดำเนินงานที่เกิดขึ้น เช่น การเปิดตัวโครงการพัฒนาศักยภาพ หรือสร้างเส้นทางอาชีพ
  4. Comparative Data (เปรียบเทียบกับเป้าหมาย)
    เปรียบเทียบระหว่างผลลัพธ์ที่ได้กับเป้าหมาย เช่น อัตราการลาออกปี 2023 เทียบกับปี 2024
  5. Resolution/Next Step (ข้อเสนอแนะ/ขั้นตอนต่อไป)
    เช่น ขยายโปรแกรมพัฒนาอาชีพ วิเคราะห์ผลสัมภาษณ์การลาออกต่อไตรมาส
  6. Audience (กลุ่มผู้รับสาร)
    เช่น พนักงานในองค์กร 12,600 คน หรือฝ่ายบริหารเฉพาะด้าน

จุดเด่นของ Executive Dashboard

  • สรุปข้อมูลสำคัญในหน้าเดียว
  • ใช้ภาพกราฟิก/แผนภูมิประกอบ ทำให้เข้าใจง่าย
  • สามารถอัปเดตแบบ Real-Time
  • ปรับแต่งให้ตรงกับผู้ใช้ เช่น CEO, CFO หรือ HR
  • ช่วยลดเวลาประชุม โดยใช้ Dashboard แทนการรายงานประจำสัปดาห์

กรณีศึกษาและตัวอย่างจากองค์กรชั้นนำ

ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น Google ใช้ “gDNA” โครงการวิจัยภายในที่วิเคราะห์ความผูกพันของพนักงานกับงาน และนำข้อมูลนั้นไปออกแบบสภาพแวดล้อมการทำงานให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ส่วน Netflix ให้ความสำคัญกับวัฒนธรรมการให้ feedback ที่โปร่งใส โดยใช้ระบบรวบรวมข้อมูลจากการสื่อสารแบบเรียลไทม์มาประกอบการบริหารทีม

ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในรายงานประจำไตรมาส แต่กลับกลายเป็น “เข็มทิศเชิงวัฒนธรรม” ที่ทำให้องค์กรเหล่านี้สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้

สรุป: PR ที่เข้าใจข้อมูลคือผู้นำแห่งอนาคต

ในยุคที่การตัดสินใจอิงกับข้อมูล การสื่อสารภายในไม่ได้เป็นแค่ภารกิจเสริมของนัก PR แต่คือ “ขุมพลังเชิงกลยุทธ์” ที่จะช่วยให้องค์กรเดินหน้าอย่างยั่งยืน

นักประชาสัมพันธ์ที่สามารถเข้าใจ วิเคราะห์ และนำเสนอข้อมูลสื่อสารภายในได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่เพียงแค่จะได้รับความเชื่อถือจากผู้บริหาร แต่ยังเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงขององค์กร

ตัวอย่าง Executive Dashboard อ้างอิงจากเอกสาร Presenting Internal Communication Data to Leadership Getting a Seat at the Executive Table by Demonstrating ROI โดย PoliteMail for Outlook Email Intelligence.


FAQ: เปลี่ยนองค์กรให้ไวขึ้น ด้วย Dashboard สื่อสารภายใน

Q1: การสื่อสารภายในมีผลต่อความสำเร็จขององค์กรอย่างไร?
A1: การสื่อสารภายในที่ดีช่วยเพิ่มความผูกพันของพนักงาน ซึ่งมีผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน การรักษาบุคลากร และความสามารถในการแข่งขันขององค์กรโดยรวม

Q2: ข้อมูลใดที่ควรนำมาใช้เพื่อแสดงผลของการสื่อสารภายใน?
A2: เช่น อัตราการเปิดอ่านอีเมล การตอบกลับ ความพึงพอใจพนักงาน และอัตราการลาออก สามารถนำไปเชื่อมโยงกับผลลัพธ์เชิงธุรกิจ

Q3: ผู้บริหารสนใจข้อมูลแบบไหนมากที่สุดในด้าน internal comms?
A3: ข้อมูลที่เชื่อมโยงกับผลลัพธ์ทางธุรกิจ เช่น ลดค่าใช้จ่าย รักษาพนักงาน เพิ่มรายได้ หรือปรับพฤติกรรมองค์กร

Q4: การเล่าเรื่องด้วยข้อมูลมีความสำคัญอย่างไร?
A4: เพราะผู้บริหารจะเข้าใจและจำข้อมูลได้ดีกว่าหากนำเสนอในรูปแบบ “เรื่องเล่า” แทนที่จะเป็นสถิติแห้ง ๆ

Q5: Executive Dashboard คืออะไร และมีไว้เพื่ออะไร?
A5: คือเครื่องมือที่แสดงภาพรวมของข้อมูลภายในองค์กรแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ผู้บริหารเข้าใจสถานการณ์และตัดสินใจได้เร็วขึ้น

Q6: Dashboard ที่ดีควรมีองค์ประกอบอะไรบ้าง?
A6: ควรประกอบด้วย: เป้าหมายชัดเจน, ข้อมูลย้อนหลัง, ข้อมูลปัจจุบัน, การเปรียบเทียบกับเป้าหมาย และข้อเสนอแนะเชิงกลยุทธ์

Q7: ข้อมูลใดควรถูกนำเสนอใน Dashboard สำหรับผู้บริหาร?
A7: ควรเลือกเฉพาะข้อมูลที่สอดคล้องกับเป้าหมายของผู้ใช้ เช่น อัตราการลาออก, ความพึงพอใจพนักงาน, ค่าใช้จ่ายการทดแทน ฯลฯ

Q8: ควรใช้รูปแบบไหนในการสื่อสารข้อมูลกับผู้บริหาร?
A8: ใช้กราฟ ภาพประกอบ คำอธิบายที่กระชับ และมีบริบท เช่น benchmark กับบริษัทอื่น เพื่อช่วยให้ตัดสินใจง่ายขึ้น

Q9: ถ้าไม่มีข้อมูลในองค์กร จะเริ่มต้นอย่างไร?
A9: เริ่มจากเก็บข้อมูลเบื้องต้น เช่น แบบสำรวจพนักงาน อัตราการเปิดอ่านอีเมล และเปรียบเทียบกับแนวโน้มอุตสาหกรรม

Q10: นักประชาสัมพันธ์จะพัฒนาทักษะการใช้ข้อมูลในการสื่อสารได้อย่างไร?
A10: เรียนรู้การวิเคราะห์พื้นฐาน สร้าง Dashboard เบื้องต้น และฝึกการเล่าเรื่องจากข้อมูล เพื่อเพิ่มบทบาทเชิงกลยุทธ์ในองค์กร

เขียนและเรียบเรียง

sarawut burapapat

โดย สราวุธ บูรพาพัธ

สราวุ​ธ เป็นที่ปรึกษาด้านการสื่อสารให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง มีประสบการณ์ด้านการสื่อสารในธุรกิจพลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจความงาม ธุรกิจบริการ และศูนย์การเรียนรู้ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนการสื่อสารแบบองค์รวม เพื่อสนับสนุนแผนการตลาดหรือสร้างภาพลักษณ์ให้แก่องค์กร รวมทั้ง บริหารจัดการสื่อสารภาวะวิกฤต

จบการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *