หากเราถามผู้นำองค์กรหรือนักประชาสัมพันธ์ระดับแนวหน้าในปัจจุบันว่า “คุณใช้เวลาในการฟังคนอื่นมากแค่ไหน?” หลายคนอาจตอบด้วยความมั่นใจว่า “ฉันฟังอยู่เสมอ” แต่คำถามถัดไปคือ “คุณฟังอย่างแท้จริงหรือเปล่า?”
เพราะคำพูดไม่ได้สื่อทุกอย่าง: ผู้นำยุคใหม่ต้อง ‘ฟัง’ ให้ลึกกว่าหูได้ยิน
‘การฟังอย่างแท้จริง’ (Authentic Listening) กำลังกลายเป็นคุณสมบัติสำคัญอันดับต้น ๆ ของผู้นำยุคใหม่ เพราะในโลกที่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ วาระซ่อนเร้น และเสียงดังรบกวนอยู่รอบตัว การ ‘ฟัง’ จึงไม่ใช่เรื่องพื้นฐานธรรมดาอีกต่อไป — แต่มันคือ ศิลปะการสร้างพื้นที่ปลอดภัยเพื่อให้ความเข้าใจและความไว้เนื้อเชื่อใจได้เกิดขึ้น
และนั่นคือจุดเริ่มต้นของภาวะผู้นำที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง

การฟัง: ศิลปะแห่งความเชื่อมโยงที่ลึกซึ้งกว่า
Dr. Daniel Goleman ผู้บุกเบิกแนวคิด ‘ความฉลาดทางอารมณ์’ กล่าวไว้ชัดเจนว่า “การฟังด้วยความใส่ใจ คือรากฐานของการเป็นผู้นำที่มีประสิทธิภาพ” เพราะผู้นำที่ดีไม่ใช่ผู้พูดเก่งที่สุด — แต่คือผู้ที่สามารถสร้าง ‘สนามปลอดภัย’ ให้ผู้อื่นได้เปล่งเสียงของตนเองออกมาอย่างมั่นใจ
ฟังไม่ใช่แค่รอให้ถึงตาตัวเองพูด
ฟังไม่ใช่แค่เก็บเนื้อหาแล้วรีบตอบกลับ
แต่คือการวางใจ
คือการเปิดพื้นที่ให้ “มนุษย์” ได้สื่อสารกับ “มนุษย์” โดยไม่มีสิ่งใดบดบัง
3 มิติสำคัญของการฟังอย่างแท้จริง
- Presence — ร่างกายคุณอยู่ แต่ใจคุณล่ะ?
การฟังเริ่มจาก “การอยู่ตรงนั้นจริง ๆ” ไม่ใช่แค่การพยักหน้า หรือการมองตาเปล่า แต่หมายถึงการปิดมือถือ วางอีเมล และส่งสัญญาณให้คนตรงหน้ารู้ว่าเขาสำคัญจริง ๆ - Emotional Intelligence — เข้าใจเขาโดยไม่ตัดสิน
นักฟังที่แท้จริงต้องมี ‘ความกล้าหาญทางอารมณ์’ พอที่จะฟังโดยไม่รีบตีความ ไม่รีบแก้ ไม่รีบเปลี่ยนทิศทาง แต่เปิดรับและยอมรับว่ามนุษย์ตรงหน้าเรามีคุณค่าเสมอ - Cognitive Engagement — ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่แค่ฟังเพื่อรอพูด
ถามกลับเพื่อให้ชัด
ทวนสิ่งที่เข้าใจ
สะท้อนด้วยมุมใหม่ที่เขาอาจไม่เห็น
สิ่งเหล่านี้คือเครื่องมือของผู้นำและนักประชาสัมพันธ์มืออาชีพ
ความเงียบที่มีพลัง: ฟังด้วยใจ มิใช่แค่ด้วยหู
ในยุคที่คำพูดถูกโยนใส่กันรวดเร็วผ่านหน้าจอ ความเงียบกลับกลายเป็นสินทรัพย์อันทรงคุณค่า นักฟังที่แท้จริงเข้าใจว่า “ความเงียบ” ไม่ใช่ช่องว่าง แต่คือพื้นที่แห่งการใคร่ครวญ
นักประชาสัมพันธ์ที่เข้าใจทักษะนี้ จะสามารถอ่าน “น้ำเสียง” ของสังคมก่อนจะส่งเสียงใดออกไป
ผู้นำที่ใช้ความเงียบอย่างมีกลยุทธ์ จะสามารถปลดล็อกมุมมองลึก ๆ ของทีมงานได้อย่างเหลือเชื่อ
ผู้นำฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่เพื่อควบคุม
ผลวิจัยของ Harvard Business Review ชี้ว่า องค์กรที่มี “Listening Leader” จะมี engagement สูงกว่า มีอัตราการลาออกต่ำกว่า และสร้างผลลัพธ์ที่เป็นนวัตกรรมได้มากกว่า
เพราะผู้นำที่ฟังเป็น คือผู้นำที่ทีม “กล้า” พูดความจริง
และความจริง คือฐานรากของการพัฒนาอย่างแท้จริง
นักประชาสัมพันธ์: ฟังเพื่อรู้จักสังคมก่อนส่งสาร
ในมุมของ PR นักฟังที่ดีจะเข้าใจบริบททางสังคมได้ลึกยิ่งกว่าเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลใด ๆ
เพราะ “เสียง” ของผู้คนที่เราอยากเข้าถึง
ไม่ได้ดังจากโพสต์ยอดไลก์
แต่มักแฝงอยู่ในประโยคเล็ก ๆ หรือความเงียบในห้องประชุมที่ไม่มีใครกล้าพูด
ฟังพฤติกรรมผู้บริโภค ฟังความไม่พอใจที่ยังไม่ถูกเปล่งออกมา ฟังคำถามที่ไม่มีใครกล้าถาม
นั่นคือจุดเริ่มต้นของแคมเปญที่เปลี่ยนความคิดคนได้จริง
กฎ 80/20 ที่เปลี่ยนชีวิตนักสื่อสาร
ในบทความต้นฉบับได้เสนอแนวคิด Listening Challenge:
“ฟัง 80% พูด 20%”
ลองจดบันทึกบทสนทนาในแต่ละวัน แล้วถามตัวเอง:
- ฉันใช้เวลากับคำพูดตัวเองมากไปหรือไม่?
- ฉันเปิดพื้นที่ให้คนอื่นแสดงความคิดเห็นพอหรือยัง?
- ฉันตั้งใจฟังแค่ไหน หรือฉันฟังเพื่อรอโต้?
ผู้นำที่ดีคือตัวกลางของความเข้าใจ มิใช่ศูนย์กลางของความคิด
Authentic Listening จึงไม่ใช่แค่ทักษะ — แต่มันคือภาวะที่สะท้อนตัวตนของผู้นำและนักประชาสัมพันธ์
คือความกล้าที่จะหยุดและอยู่กับคนตรงหน้าอย่างแท้จริง
คือความเข้าใจที่เปิดทางให้ความร่วมมือ ความไว้ใจ และการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน
คำถามเพื่อตรวจสอบตัวเอง:
- ครั้งสุดท้ายที่คุณฟังโดยไม่มีวาระซ่อนเร้นคือเมื่อไหร่?
- อะไรคือสิ่งที่ขวางคุณไม่ให้ฟังอย่างลึกซึ้ง?
- ถ้าคุณเปลี่ยนการฟังให้เป็นภาวะมากกว่าสกิล ความสัมพันธ์คุณจะเปลี่ยนไปอย่างไร?
ยิ่งพูดน้อยเท่าไร ยิ่งทรงพลังมากขึ้นเท่านั้น
เพราะผู้นำที่แท้จริง ไม่ใช่คนที่พูดได้ทุกเวที
แต่คือคนที่คนอยากพูดด้วยเสมอ
FAQS: ผู้นำยุคใหม่ต้องไม่พูดเยอะ แต่ต้อง ‘ฟังให้ลึก’
Q1: การฟังอย่างแท้จริง (Authentic Listening) คืออะไร?
A1: การฟังอย่างแท้จริง คือการฟังด้วยความตั้งใจ เปิดใจ ไม่ตัดสิน และอยู่กับคู่สนทนาอย่างเต็มที่ทั้งร่างกาย อารมณ์ และจิตใจ เพื่อสร้างความเข้าใจอย่างลึกซึ้ง
Q2: ทำไมผู้นำยุคใหม่ต้องมีทักษะการฟังที่ลึกซึ้ง?
A2: เพราะในยุคที่ข้อมูลไหลเร็ว ความไว้ใจจึงสำคัญ ผู้นำที่ฟังอย่างแท้จริงจะสร้างความผูกพันที่แท้จริงกับทีม และตัดสินใจบนฐานความเข้าใจ ไม่ใช่การคาดเดา
Q3: องค์ประกอบหลักของการฟังอย่างแท้จริงมีอะไรบ้าง?
A3: ประกอบด้วย 3 มิติ: 1) Presence การอยู่กับคนตรงหน้าอย่างเต็มที่ 2) Emotional Intelligence เข้าใจอารมณ์โดยไม่ตัดสิน และ 3) Cognitive Engagement ฟังเพื่อเข้าใจ ไม่ใช่แค่รอโต้ตอบ
Q4: การฟังช่วยนักประชาสัมพันธ์ได้อย่างไร?
A4: ช่วยให้เข้าใจบริบทของสังคม กลุ่มเป้าหมาย และเสียงสะท้อนจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ทำให้สามารถสื่อสารได้อย่างตรงจุด ไม่ tone-deaf
Q5: ความเงียบมีบทบาทอย่างไรในการฟัง?
A5: ความเงียบเป็นพื้นที่ให้เกิดการสะท้อน ความคิด และความกล้าของผู้พูดในการเปิดใจ การฟังด้วยความเงียบจึงเป็นทักษะขั้นสูงของผู้นำ
Q6: การฟังสามารถฝึกได้หรือไม่
A6: ได้แน่นอน การฟังอย่างแท้จริงเป็น ‘ภาวะ’ ที่ต้องฝึกอย่างต่อเนื่อง เช่น ใช้กฎ 80/20, เขียน Listening Journal, ฝึกตั้งคำถามโดยไม่แทรกอารมณ์
Q7: ผู้นำควรฟังใครเป็นอันดับแรก?
A7: ฟังทีมงานของตนเองก่อน เพราะทีมคือผู้ขับเคลื่อนองค์กร หากฟังอย่างลึกซึ้ง จะเห็นทั้งโอกาส ความเสี่ยง และความรู้สึกที่ยังไม่ถูกพูดออกมา
Q8: นัก PR ควรฟังเสียงจากแหล่งใด?
A8: ทั้งจากลูกค้า, สื่อมวลชน, โซเชียลมีเดีย, ผู้บริโภค และคู่แข่ง เพราะเสียงเหล่านี้บอกทิศทางของอารมณ์สาธารณะ และบอกว่า “อะไรควรพูด อะไรควรเงียบ”
Q9: มีข้อผิดพลาดอะไรบ้างที่ควรหลีกเลี่ยงในการฟัง?
A9: อย่ารีบตัดสิน อย่าฟังเพื่อจะตอบ อย่าขัดจังหวะ และอย่าฟังแบบทำไปอย่างอื่นไป การฟังต้องให้ทั้ง “เวลา” และ “ใจ”
Q10: ถ้าอยากเริ่มฟังให้ดีขึ้น ควรเริ่มจากตรงไหน?
A10: เริ่มจาก “ตั้งใจฟังโดยไม่พูด” ลองเว้นคำตอบ ลองถามเพิ่ม และจดบันทึกสิ่งที่ได้ยินเพื่อสะท้อนกลับ เชื่อเถอะ ความสัมพันธ์และผลงานจะเปลี่ยนชัดเจน
เรียบเรียงโดย

สราวุธ บูรพาพัธ
สราวุธ บูรพาพัธ เป็นที่ปรึกษาด้านการสื่อสารให้หน่วยงานภาครัฐและเอกชนหลายแห่ง มีประสบการณ์ด้านการสื่อสารในธุรกิจพลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจความงาม ธุรกิจบริการ และศูนย์การเรียนรู้ ทั้งในระดับประเทศและนานาชาติกว่า 20 ปี มีความเชี่ยวชาญในการวางแผนการสื่อสารแบบองค์รวม เพื่อสนับสนุนแผนการตลาดหรือสร้างภาพลักษณ์ให้แก่องค์กร รวมทั้ง บริหารจัดการสื่อสารภาวะวิกฤต
จบการศึกษาระดับปริญญาโท และปริญญาตรี คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
