ในวันหยุดสุดสัปดาห์ หลายครอบครัวอาจมองหากิจกรรมที่ทั้งสนุก เสริมสร้างจินตนาการ และมีสาระไปพร้อมกัน และในปีนี้ หนึ่งในกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง คือ “THAINOSAUR” นิทรรศการไดโนเสาร์ไทยสุดยิ่งใหญ่ ที่พาเราย้อนเวลากลับไปสำรวจโลกเมื่อหลายล้านปีก่อน ผ่านไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทยที่หาชมได้ยาก บอกเลยว่า แค่ได้ยินชื่อก็รู้สึกตื่นเต้นแล้ว!

นิทรรศการนี้จัดขึ้น ณ ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สถานที่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้และการค้นพบ ราวกับเป็นประตูวิเศษที่พาเราและลูกๆ ท่องไปในโลกของสัตว์โลกล้านปี สัมผัสฟอสซิลจริง หุ่นจำลองขนาดเท่าของจริง และแอนิเมชันสุดล้ำ ที่ทำให้ไดโนเสาร์พันธุ์ไทยมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง
จากความหลงใหลในวัยเยาว์ สู่จักรวาลดึกดำบรรพ์กลางเมือง
เบื้องหลังนิทรรศการนี้ไม่ใช่เพียงโปรเจกต์หนึ่งของพิพิธภัณฑ์ธรรมดาๆ หากแต่คือผลงานของ คุณพิริยะ วัชจิตพันธ์ นักสะสมซากฟอสซิลและงานศิลปะ ผู้เริ่มต้นเส้นทางแห่งความหลงใหลตั้งแต่วัยรุ่น เมื่อครั้งเรียนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เขาทำงานล้างจานเก็บเงินเพื่อตระเวนไปยังงาน Fossil Fair ต่างๆ ทั่วประเทศ ซื้อฟอสซิลชิ้นเล็กๆ มาเก็บสะสม ก่อนจะหอบความหลงใหลนี้กลับมายังเมืองไทย


วันหนึ่ง เขาได้พบเศษฟอสซิลช้างดึกดำบรรพ์ที่ตลาดจตุจักร และจากจุดเล็กๆ นี้เอง ทำให้เขาเดินทางสู่โคราช บ้านเกิดของไดโนเสาร์ไทยหลายสายพันธุ์ นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ กว่า 30 ปีของการสะสมและศึกษา ได้กลายเป็นนิทรรศการระดับชาติที่ทุกคนควรได้สัมผัส
โลกดึกดำบรรพ์มีชีวิตอีกครั้ง: การจัดแสดงแบบ 3 มิติ
หากคุณนึกถึงนิทรรศการไดโนเสาร์ที่มีเพียงหุ่นจำลองนิ่งๆ คุณจะต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่ เพราะ THAINOSAUR นำเสนอโลกดึกดำบรรพ์แบบสมจริง ผ่านเทคโนโลยีแอนิเมชันสุดล้ำ ที่ช่วยให้เห็นการเคลื่อนไหวของไดโนเสาร์ เสียงคำราม และการล่าเหยื่อราวกับมีชีวิตอยู่ตรงหน้า






ตั้งแต่ ไทรแอสซิก, จูแรสซิก จนถึง ครีเทเชียส ทุกยุคสมัยถูกจัดเรียงไว้อย่างประณีตในอาคาร 3 ชั้น แต่ละชั้นพาเราและเด็กๆ ไปรู้จักกับสัตว์ดึกดำบรรพ์ในยุคนั้น ตั้งแต่ อีสานโนซอรัส จนถึง ชาละวัน ไทยแลนดิคัส และที่ห้ามพลาดคือ สยามโมไทรันนัส นักล่าแห่งแดนอีสาน และ ภูเวียงโกซอรัส ไดโนเสาร์กินพืชที่มีโครงกระดูกใหญ่สุดอลังการ
มากกว่าการเรียนรู้ คือการ “รู้สึก” ถึงประวัติศาสตร์
หนึ่งในความประทับใจที่ครอบครัวผู้ชมพูดถึง คือ การออกแบบบรรยากาศโดยรวมของนิทรรศการ ที่เนรมิตให้ท่าพิพิธภัณฑ์กลายเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ดึกดำบรรพ์ ด้วยพืชพรรณโบราณ เสียงธรรมชาติ และหุ่นจำลองขนาดจริงที่มีรายละเอียดครบถ้วนทุกเส้นขน รอยแผล หรือแม้แต่ “เม็ดสีผิว” ของไดโนเสาร์ ที่อ้างอิงจากงานวิจัยล่าสุดว่าไดโนเสาร์บางสายพันธุ์ อาจมีสีสันใกล้เคียงกับนกในปัจจุบัน มากกว่าภาพลักษณ์สีหม่นในหนังฮอลลีวูด






จุดประกายจินตนาการผ่านศิลปะร่วมสมัย
ความน่าสนใจของ THAINOSAUR ไม่ได้มีแค่ในแง่ของวิทยาศาสตร์ แต่ยังผสานศิลปะเข้าไปอย่างลงตัว ด้วยผลงานจาก 4 ศิลปินไทยชื่อดัง ได้แก่ มอ-ไทวิจิต, ฮ่องเต้-กนต์ธร, ปั๋น Riety และ DAYY ที่นำเสนอเรื่องราวของไดโนเสาร์และการอยู่ร่วมกันกับธรรมชาติผ่านศิลปะรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นจิตรกรรม, กราฟิก, แฟชั่น หรืองานปั้น ทุกชิ้นสามารถสัมผัสได้และเข้าถึงได้ง่าย

สำหรับครอบครัว: สนุก เรียนรู้ และจดจำไปตลอดชีวิต
หากคุณเป็นครอบครัวที่มีลูกวัยกำลังซน นิทรรศการนี้เหมาะมาก เพราะนอกจากจะมีสัตว์โลกล้านปีให้ชมแล้ว ยังแฝงสาระวิทยาศาสตร์ที่เข้าใจง่าย เช่น คำอธิบายยุคต่างๆ แบบสนุกสนาน โซนถ่ายภาพสุดน่ารัก และกิจกรรมเวิร์กช็อปเล็กๆ สำหรับเด็ก บอกเลยว่าเป็นทั้ง “ห้องเรียน” และ “สนามเด็กเล่น” ในเวลาเดียวกัน






เวลาและรายละเอียดการเข้าชม
นิทรรศการ THAINOSAUR เปิดให้เข้าชมแล้วตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม ถึง 2 พฤศจิกายน 2568
📍สถานที่: ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) โครงการท่าช้าง วังหลัง
⏰ เวลาเปิดทำการ: 10.00 – 18.00 น.
💵 ค่าเข้าชม: คนไทย – เด็ก 150 บาท / ผู้ใหญ่ 250 บาท | ชาวต่างชาติ – เด็ก 250 บาท / ผู้ใหญ่ 350 บาท
📞 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: 082-896-1929

เพราะไดโนเสาร์ไทย ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป
ไม่ว่าคุณจะเป็นพ่อแม่ที่อยากพาลูกสัมผัสโลกไดโนเสาร์, คู่รักที่ชอบเที่ยวเชิงวัฒนธรรม, หรือเด็กในร่างผู้ใหญ่ที่เคยฝันอยากเจอไดโนเสาร์แบบใกล้ชิด “THAINOSAUR” คือโอกาสที่ดีที่สุดของปีนี้ที่คุณไม่ควรพลาด
อย่าลืมพาลูกหลานไปเปิดประตูสู่โลกดึกดำบรรพ์ แล้วมาร่วมภาคภูมิใจในความมหัศจรรย์ของ ไดโนเสาร์พันธุ์ไทย ด้วยกันนะครับ






FAQS: “THAINOSAUR” เปิดโลกดึกดำบรรพ์กลางกรุง พาลูกเที่ยวไดโนเสาร์ไทยแบบสมจริง
Q1: นิทรรศการ THAINOSAUR จัดขึ้นที่ไหน และเมื่อไหร่?
A1: จัดที่ ท่าพิพิธภัณฑ์ (Museum Pier) โครงการท่าช้าง วังหลัง ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม – 2 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 – 18.00 น.
Q2: ค่าเข้าชมนิทรรศการเท่าไร?
A2: คนไทย – เด็ก 150 บาท / ผู้ใหญ่ 250 บาท
ชาวต่างชาติ – เด็ก 250 บาท / ผู้ใหญ่ 350 บาท
Q3: นิทรรศการนี้เหมาะกับกลุ่มผู้ชมประเภทใด?
A3: เหมาะกับครอบครัว เด็ก นักเรียน นักศึกษา และคนรักไดโนเสาร์ทุกวัย
Q4: มีไดโนเสาร์สายพันธุ์ไทยอะไรให้ชมบ้าง?
A4: มีมากกว่า 20 สายพันธุ์ เช่น สยามโมไทรันนัส, ภูเวียงโกซอรัส, กินรีไมมัส, สยามแรพเตอร์, และ ชาละวัน ไทยแลนดิคัส
Q5: จุดเด่นของนิทรรศการ THAINOSAUR คืออะไร?
A5: การผสานเทคโนโลยีแอนิเมชัน หุ่นจำลองขนาดจริง และดีไซน์พื้นที่แบบ immersive ให้เหมือนย้อนเวลาไปอยู่ในยุคไดโนเสาร์
Q6: นิทรรศการแบ่งออกเป็นโซนอย่างไร?
A6: แบ่งเป็น 3 ชั้น ได้แก่ ยุคพาลีโอโซอิก, ยุคจูแรสซิก-ครีเทเชียส, และ ยุคซีโนโซอิก พร้อมแอนิเมชันและฟอสซิลจริง
Q7: มีผลงานศิลปะร่วมสมัยจัดแสดงด้วยหรือไม่?
A7: มีผลงานจาก 4 ศิลปินไทย ได้แก่ มอ-ไทวิจิต, ฮ่องเต้-กนต์ธร, ปั๋น Riety, และ DAYY จัดแสดงในแต่ละชั้นของพิพิธภัณฑ์
Q8: นิทรรศการมีเทคโนโลยีใดที่น่าสนใจสำหรับเด็ก?
A8: ใช้แอนิเมชันเสมือนจริง, ดิโอรามาขนาดยักษ์, ระบบเสียง-แสงสมจริง และโซนกิจกรรมให้เด็กๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่น
Q9: มีการให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์อย่างไรในงานนี้?
A9: มีการอธิบายหลักบรรพชีวินวิทยา, การค้นพบเมลาโนโซม (สีผิวไดโนเสาร์), และการจำลองการเคลื่อนไหวอย่างแม่นยำ
Q10: หลังจากนิทรรศการนี้สิ้นสุด จะจัดที่ไหนต่อ?
A10: นิทรรศการ THAINOSAUR จะหมุนเวียนไปจัดแสดงในหลายประเทศทั่วโลกหลังจากวันที่ 2 พฤศจิกายน 2568
