ในปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยกำลังเผชิญทั้งความผันผวนทางเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยที่ยังทรงตัวในระดับสูง และความท้าทายด้านพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดนิ่ง บริษัท เอพี ไทยแลนด์ จำกัด (มหาชน) กลับเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งด้วยผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2568 ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนในอุตสาหกรรม ด้วยรายได้รวม 33,368 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 3,025 ล้านบาท ส่งสัญญาณชัดเจนถึงความเป็นผู้นำตลาดที่ “เข้าใจความต้องการที่ไม่เคยถูกพูดออกมา” หรือ The Unspoken Needs ของผู้บริโภคยุคใหม่ได้อย่างแม่นยำ
รายได้ระดับ 3.3 หมื่นล้านบาทในรอบ 9 เดือน พร้อมกำไรสุทธิแตะ 3 พันล้านบาท ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสำหรับเอพี แต่คือผลลัพธ์ของการวางยุทธศาสตร์แบบรุกหนักทั้งในแนวราบ แนวสูง และรุกคืบตลาดนอกเมืองหลวง ขณะเดียวกัน ยังสะท้อนการสร้าง Living Quality หรือ “มาตรฐานคุณภาพชีวิต” ที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุค 2025 ได้ลึกและจริงกว่าคู่แข่ง

ไตรมาส 3 ฉายภาพเติบโตต่อเนื่อง รายได้แตะ 12,428 ล้านบาท กำไรพุ่ง 14.7%
ไตรมาส 3 คือช่วงเวลาที่บ่งชี้ความแข็งแรงของธุรกิจเอพีได้ชัดเจนที่สุด รายได้รวมในไตรมาสนี้อยู่ที่ 12,428 ล้านบาท เติบโต 8.7% จากไตรมาสก่อน โดยทำกำไรสุทธิได้ถึง 1,155 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.7% QoQ ตัวเลขทั้งหมดนี้สะท้อนว่าเอพีไม่เพียงเดินหน้า แต่ยังเพิ่มแรงขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องแม้ในสภาพตลาดที่ไม่เอื้ออำนวยนัก
ความสำเร็จหลักมาจากโครงการแนวราบที่ยังคงรักษาจังหวะการโอนกรรมสิทธิ์ได้ดีอย่างสม่ำเสมอ อาทิ
- CENTRO บางนา
- CENTRO เทพารักษ์–ศรีนครินทร์
- CENTRO เพชรเกษม–บางแค
- THE CITY กัลปพฤกษ์
- THE PALAZZO ปิ่นเกล้า–บรมฯ
ขณะที่กลุ่มคอนโดมิเนียมร่วมทุน (JV) ก็เร่งเครื่องแรงเช่นกันจากโครงการสำเร็จรูปที่ทยอยโอนอย่างต่อเนื่อง เช่น ASPIRE สุขุมวิท–พระราม 4 และ ASPIRE อ่อนนุช สเตชั่น พร้อมปิดการโอน ASPIRE อรุณ พรีเว่ ภายในเวลาเพียง 4 เดือน ซึ่งถือว่าโดดเด่นเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรม
ยอดขาย 10 เดือนทะลุ 37,303 ล้านบาท โตแรง 52.2% ในไตรมาส 3
ยอดขายสุทธิ (Net Presales) รวม 37,303 ล้านบาท ในช่วง 10 เดือน คืออีกหนึ่งหลักฐานความเป็นเจ้าตลาดของเอพี โดยเฉพาะในไตรมาส 3 ที่ทำยอดขาย 12,472 ล้านบาท โตพุ่งกว่า 52.2% จากไตรมาสก่อนหน้า
ยอดขายแบ่งเป็น
- แนวราบ 9,997 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นกว่า 32.2% QoQ)
- คอนโดมิเนียม 2,475 ล้านบาท
ในภาวะที่ตลาดอสังหาฯ ในนครหลวงเริ่มฟื้นตัวช้า แต่ความต้องการบ้านแนวราบกลับเติบโตสูงกว่าคอนโดอย่างชัดเจน สะท้อนเทรนด์บ้านเดี่ยว-บ้านแฝด-ทาวน์โฮมที่ตอบโจทย์ทั้งครอบครัวขยาย คนทำงานแบบ Hybrid และผู้บริโภคที่ต้องการพื้นที่มากขึ้นหลังยุคโควิด
งานวิจัยจาก CBRE (2024) ระบุว่า “ผู้บริโภคไทย 68% เลือกบ้านแนวราบเพราะตอบโจทย์พื้นที่ใช้สอยที่หลากหลายและให้ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่า”
ข้อมูลดังกล่าวสอดคล้องกับพอร์ตโครงการแนวราบของเอพีที่แข็งแรงอย่างต่อเนื่อง พร้อมเติมเต็มความต้องการของคนเมืองที่เปลี่ยนแปลงแบบไม่หยุดนิ่ง (Unspoken Needs)

โค้งสุดท้ายปี 2568 เปิดเกมรุก เปิดตัว 22 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท
เอพีไม่ได้หยุดเพียงการสรุปผลงาน แต่กำลังเดินหน้า “เร่งสปีดโค้งสุดท้าย” ด้วยการเปิดตัวถึง 22 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 24,000 ล้านบาท กระจายทั้งกรุงเทพฯ และหัวเมืองหลัก
ไฮไลต์ที่ถูกจับตามองเป็นพิเศษ ได้แก่:
1) BEON เกษตร–นวมินทร์
– บ้านเดี่ยวลักชัวรี 3 ชั้น
– พื้นที่ใช้สอยสูงสุด 825 ตร.ม.
– ฟังก์ชัน 6 ห้องนอน 7 ห้องน้ำ ลิฟต์ สระว่ายน้ำ
– ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท
(เฉพาะ 23 ครอบครัว)
ตอบโจทย์ตลาด Luxury Housing ที่ยังเติบโตสวนทางเศรษฐกิจ จากผลสำรวจของ Knight Frank ปี 2024 พบว่า “กลุ่มผู้มีรายได้สูงในกรุงเทพฯ ยังเพิ่มความต้องการบ้านลักชัวรีต่อเนื่อง โดยมองเป็นการลงทุนที่มั่นคง”
2) ASPIRE สุขุมวิท 103
– คอนโด Low-rise ติดถนนอุดมสุข
– Pet-Friendly รองรับคนเลี้ยงสัตว์ (พฤติกรรมที่โตขึ้นในกลุ่ม Gen Y และ Gen Z)
– ใกล้ BTS อุดมสุข 3 นาที
– เริ่มต้น 2.59 ล้านบาท
3) บ้านกลางเมือง ปิ่นเกล้า–จรัญฯ 2
– ทาวน์โฮม 3 ชั้น ดีไซน์ใหม่
– ฟังก์ชัน Penthouse Master Bedroom ชั้นเต็มพร้อมวิวพาโนรามา
– เริ่มต้น 4.79 ล้านบาท
– โดดเด่นด้านทำเล ใกล้ทางด่วน–รถไฟฟ้า 3 สาย
ทั้งสามโครงการสะท้อน DNA ของเอพีชัดเจนว่า “พัฒนาสินค้าที่ไม่มีใครถามหา แต่เมื่อมอบให้กลับกลายเป็นสิ่งที่ใช่ที่สุด” และนี่คือแกนกลางของ Living Quality ที่เอพีพยายามสื่อสารมาตลอดหลายปี

กลยุทธ์ชนะใจคนเมืองของเอพี: อ่านความต้องการที่ไม่เคยถูกพูดออกมา
ถ้ามองภาพรวมของผลงานเอพีในปี 2568 จะพบสูตรสำเร็จ 3 ประการที่ช่วยสร้างผลงานระดับผู้นำ
1) ยกระดับคุณภาพชีวิตด้วยมุมมองใหม่ของ Living Quality
ในยุคที่คนเลือกบ้านจาก “วิถีชีวิตที่อยากมี” มากกว่า “ราคาต่อตารางเมตร” เอพีใช้แนวคิด Living Quality ในการออกแบบทุกโครงการ ตั้งแต่พื้นที่ส่วนกลาง ฟังก์ชันในบ้าน การบริหารชุมชน จนถึงสุนทรียภาพทางอารมณ์
งานศึกษาของ Harvard Joint Center for Housing Studies (2023) ชี้ว่า “การออกแบบบ้านที่ตอบโจทย์ความยืดหยุ่นทางการใช้ชีวิตได้ดี จะเพิ่มความพึงพอใจของผู้อาศัยสูงขึ้นกว่า 40%”
ซึ่งสอดคล้องกับแนวทางการออกแบบบ้านของเอพีที่เน้นพื้นที่ต่อเนื่อง ห้องอเนกประสงค์ และประสบการณ์การอยู่อาศัยที่มากกว่าโครงสร้างกายภาพ
2) เสริมพอร์ตทุกเซกเมนต์ให้แข็งแรงแบบสมดุล
จากข้อมูลในไฟล์ บริษัทเติบโตในทุกพอร์ต ทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโด เป็นสัญญาณสำคัญของธุรกิจที่ “ไม่พึ่งพาเซกเมนต์เดียว” ทำให้สามารถรับมือความผันผวนทางเศรษฐกิจได้ดีกว่าคู่แข่ง
3) การบริหาร Backlog อย่างมีประสิทธิภาพ
กลุ่ม JV โดยเฉพาะ ASPIRE ทำผลงานได้โดดเด่นจาก Backlog ที่แข็งแรง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อสภาพคล่องและรายได้ที่แน่นอนในอนาคต

อนาคตของเอพี ปี 2569: สินค้าใหม่–ทำเลใหม่–เทคโนโลยีใหม่
แม้รายงานนี้ครอบคลุมเฉพาะผลประกอบการในปี 2568 แต่ทิศทางธุรกิจในปีถัดไปสามารถคาดการณ์ได้จาก 3 ปัจจัยสำคัญ:
1) เทรนด์บ้านที่ยืดหยุ่นมากขึ้น
คนไทยต้องการพื้นที่ใช้งานที่ปรับเปลี่ยนฟังก์ชันได้ และต้องการพื้นที่กึ่งกลางแจ้งมากขึ้นหลังโควิด
2) การเติบโตของตลาดต่างจังหวัด
ข้อมูลจาก Real Estate Information Center (REIC) พบว่า “ตลาดบ้านแนวราบในหัวเมืองหลักเติบโตสูงกว่ากรุงเทพฯ ในหลายไตรมาส”
3) การใช้เทคโนโลยีเพื่อคุณภาพชีวิต
IoT, Home Automation และระบบดูแลชุมชนอัจฉริยะ จะกลายเป็นพื้นฐานของโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในยุค 2026 เป็นต้นไป
เอพีเริ่มวางรากฐานด้านนี้ตั้งแต่ปี 2023 ผ่านการเพิ่มบริการ Smart Living และระบบบริหารโครงการที่มีข้อมูลเชิงลึกจากพฤติกรรมผู้อยู่อาศัยจริง
สรุป: เอพี ไทยแลนด์ ไม่ได้เป็นแค่เบอร์หนึ่ง แต่กำลังสร้างมาตรฐานใหม่ของการอยู่อาศัยไทย
ผลงาน 9 เดือนของปี 2568 ไม่ได้สะท้อนเพียงรายได้สูงสุดในอุตสาหกรรม แต่สะท้อนมุมมองใหม่ของการพัฒนาอสังหาฯ ที่ตอบโจทย์ความหมายของ “บ้าน” ในความคิดของคนเมืองยุคปัจจุบัน
เอพีอยู่ในตำแหน่งที่กล้า และพร้อมที่จะขับเคลื่อนตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยด้วยความเข้าใจที่ลึกกว่าเดิม และความรวดเร็วในการพัฒนาสินค้าที่ชนกับพฤติกรรมผู้บริโภคอย่างแม่นยำ
ปี 2568 คือปีที่เอพีประกาศชัดว่า “เราไม่ได้สร้างบ้าน แต่เราสร้างคุณภาพชีวิตที่เลือกได้ด้วยตัวคุณเอง”
รายการอ้างอิง
- CBRE Thailand. (2024). Thailand market outlook 2024. Retrieved from https://www.cbre.co.th
- Harvard Joint Center for Housing Studies. (2023). Housing design & satisfaction research. Retrieved from https://www.jchs.harvard.edu
- Knight Frank. (2024). The wealth report 2024. Retrieved from https://www.knightfrank.com
- Real Estate Information Center. (2024). Quarterly housing market report. Retrieved from https://www.reic.or.th
FAQs – ถอดรหัสเอพี ไทยแลนด์: กลยุทธ์ “อ่านใจคนเมือง” ที่พาพอร์ตอสังหาริมทรัพย์โตแรง จนขึ้นเบอร์หนึ่งตลาดไทย
Q1: เอพี ไทยแลนด์ทำรายได้รวมกี่บาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568?
A1: เอพีทำรายได้รวม 33,368 ล้านบาทในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2568
Q2: กำไรสุทธิของเอพีในช่วงเดียวกันอยู่ที่เท่าไร?
A2: กำไรสุทธิอยู่ที่ 3,025 ล้านบาท
Q3: อะไรคือเซกเมนต์ที่สร้างการเติบโตหลักให้เอพีในไตรมาส 3?
A3: โครงการแนวราบ—บ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม เป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ
Q4: ยอดขายสุทธิ (Net Presales) 10 เดือนอยู่ที่จำนวนเท่าไร?
A4: ยอดขายสุทธิรวมอยู่ที่ 37,303 ล้านบาท
Q5: ยอดขายสุทธิในไตรมาส 3 เพิ่มขึ้นเท่าไหร่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า?
A5: เพิ่มขึ้น 52.2%
Q6: เอพีมีแผนเปิดกี่โครงการในไตรมาสสุดท้ายของปี 2568?
A6: มีแผนเปิด 22 โครงการใหม่ มูลค่ากว่า 24,000 ล้านบาท
Q7: โครงการลักชัวรีที่โดดเด่นที่สุดในช่วงปลายปีคือโครงการใด?
A7: โครงการ BEON เกษตร–นวมินทร์ ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวลักชัวรี 3 ชั้น ราคาเริ่มต้น 45 ล้านบาท
Q8: โครงการคอนโดที่เป็นจุดสนใจสำหรับกลุ่มที่ต้องการ Pet-Friendly คือโครงการใด?
A8: โครงการ ASPIRE สุขุมวิท 103 ซึ่งออกแบบรองรับการเลี้ยงสัตว์และอยู่ติดถนนอุดมสุข
Q9: ปัจจัยหลักที่ทำให้เอพียังเติบโตในปีนี้คืออะไร?
A9: การอ่านความต้องการเชิงลึกของผู้บริโภค (Unspoken Needs) และพอร์ตที่ครบทุกเซกเมนต์
Q10: เทรนด์ตลาดบ้านของไทยที่สนับสนุนการเติบโตของเอพีคือเทรนด์ใด?
A10: ความต้องการบ้านแนวราบที่เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มครอบครัวและคนทำงานแบบ Hybrid
