ปี 2025 กลายเป็นปีที่การแข่งขันในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ในประเทศไทยดุเดือดที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมยานยนต์บ้านเรา หลังจากรัฐบาลออกมาตรการสนับสนุนด้านภาษีและเงินอุดหนุน EV อย่างจริงจัง ผู้บริโภคไทยเริ่มเปิดใจและหันมาใช้ EV มากขึ้นเรื่อย ๆ ตัวเลขจากสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรมเผยว่า ยอดจดทะเบียน EV ในปี 2024 เพิ่มขึ้นกว่า 300% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า กระแสนี้ทำให้ค่ายรถทั้งน้องใหม่และยักษ์ใหญ่ต้องลงสนามกันถ้วนหน้า
Tesla ยังคงสร้างกระแสด้วย Model Y และ Model 3, BYD มัดใจผู้บริโภคด้วยราคาที่เข้าถึงได้และเทคโนโลยี Blade Battery, ส่วน GWM ก็เจาะตลาดคนรุ่นใหม่ด้วยราคาโปรโมชันสุดแรง แต่สิ่งที่ทำให้ตลาดร้อนแรงขึ้นไปอีกคือการที่ MG เปิดตัว NEW MG IM6 Premium LONG RANGE รถยนต์ไฟฟ้า SUV พรีเมียมที่ถูกขนานนามว่า “วิ่งไกลที่สุดในคลาส” ด้วยระยะทางสูงสุด 750 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และยังชาร์จเร็วภายใน 18 นาทีเท่านั้น

นี่คือโมเดลที่ไม่ได้มาเพียงเพื่อเติมเต็มไลน์อัป แต่เป็น “statement” ของ MG ว่าพวกเขาพร้อมจะเล่นในสนาม EV พรีเมียมอย่างเต็มตัว
ภาพรวมตลาด EV ไทย: เมื่อการแข่งขันไม่ใช่แค่เรื่องราคา
ตลาด EV ไทยในปี 2025 สามารถแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มหลัก
- EV ราคาประหยัด เช่น Wuling Air EV ที่จับกลุ่มคนเมือง
- EV ระดับกลาง เช่น BYD Dolphin, ORA Good Cat
- EV พรีเมียม เช่น Tesla Model Y, BMW iX, Mercedes EQB
MG ตัดสินใจบุกตลาดกลุ่มพรีเมียมด้วย IM6 ซึ่งถือเป็นหมากยุทธศาสตร์สำคัญ เพราะไม่เพียงตอบโจทย์ผู้บริโภคทั่วไป แต่ยังยกระดับภาพลักษณ์ของแบรนด์ MG ในตลาดโลก
หากมองในเชิงกลยุทธ์ MG ใช้ IM6 เป็น “คานงัด” ระหว่างความหรูหราและความคุ้มค่า กล่าวคือ คุณภาพและฟีเจอร์ระดับรถหรูยุโรป แต่ราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 ล้านบาท—สิ่งที่คู่แข่งอย่าง Tesla หรือ BMW ไม่สามารถแข่งขันได้

ดีไซน์และความรู้สึกแรกพบ: Gentle Sculpture ที่ผสมความพลิ้วและพลัง
ทันทีที่ได้เห็น IM6 สิ่งแรกที่โดดเด่นคือแนวทางการออกแบบ Gentle Sculpture เส้นสายที่โค้งมนและพลิ้วไหว แต่ยังคงความแข็งแรงของ SUV พรีเมียม
ไฟหน้า L-Shape และไฟท้าย Skyline Taillights สร้างภาพลักษณ์โฉบเฉี่ยวและล้ำสมัย กระจกข้างไร้กรอบ หลังคากระจกพาโนรามิก และมือจับแบบซ่อน (Hidden Door Handle) ยกระดับดีไซน์ให้เหนือกว่าคู่แข่งจีนหลายราย และใกล้เคียงกับ Tesla Model Y
ภายในห้องโดยสาร สิ่งที่สะท้อนความพรีเมียมได้ชัดคือการใช้วัสดุ Soft Touch รอบคัน คอนโซลกว้าง โล่ง โปร่งสบาย เบาะ POPO Sofa ที่นั่งนุ่มสบายพร้อมระบบนวด และจอคู่ขนาดรวมกว่า 26.3 นิ้ว ที่ทำงานร่วมกับระบบ IM OS ให้ประสบการณ์ดิจิทัลที่เหนือกว่ารถระดับราคาใกล้เคียง
เสียงจากระบบลำโพง 20 จุดรอบคัน ทำให้ห้องโดยสารกลายเป็นเวทีคอนเสิร์ตย่อม ๆ ความประณีตในรายละเอียดเหล่านี้ ทำให้ IM6 ข้ามเส้นแบ่งจาก “รถคุ้มค่า” มาสู่ “รถพรีเมียม” อย่างแท้จริง
สมรรถนะและการขับขี่: ระยะทางไกลที่สุด + ชาร์จเร็วที่สุด
หัวใจสำคัญ ของ IM6 Premium LONG RANGE คือ แบตเตอรี่ 100 kWh ที่สามารถวิ่งได้สูงสุด 750 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน NEDC ซึ่งแม้จะต่างจากมาตรฐาน WLTP ที่เข้มงวดกว่า แต่ก็ยังเหนือกว่าคู่แข่งในตลาดเดียวกัน
- Tesla Model Y Long Range วิ่งได้ประมาณ 610 กม. (WLTP)
- BYD Sealion 7 ทำได้ประมาณ 600 กม.
- IM6 Premium LONG RANGE ทำได้ 750 กม. (NEDC)
จุดขายอีกอย่างคือ สถาปัตยกรรมไฟฟ้า 800V ที่รองรับการชาร์จเร็ว DC สูงสุด 396 kW ทำให้สามารถชาร์จจาก 10-80% ได้ภายใน 18 นาที เท่านั้น เทียบชั้น Porsche Taycan แต่ราคาต่างกันเกินเท่าตัว
ระบบช่วงล่าง Double Wishbone และ Multi-Link ทำให้มั่นใจในความเร็วสูง ส่วนรัศมีวงเลี้ยวเพียง 5.1 เมตรช่วยให้การขับในเมืองสะดวกขึ้นมาก ฟีเจอร์อย่าง Crab Mode และ การเลี้ยว 4 ล้อ ยิ่งตอกย้ำว่า IM6 ออกแบบมาเพื่อรองรับทั้งชีวิตในเมืองและการเดินทางระยะไกล

เทคโนโลยีและฟีเจอร์อัจฉริยะ: สมาร์ทกว่าที่คิด
IM6 คือ “สมาร์ทโฟนบนล้อ” อย่างแท้จริง ระบบ IM OS ช่วยให้ผู้ขับควบคุมฟังก์ชันต่าง ๆ ด้วยเสียง เช่น การปรับแอร์หรือสั่งระบบนำทางได้ทันที หน้าจอ Immersive Display แสดงผลคมชัดและเชื่อมต่อได้ทั้ง iOS และ Android แบบไร้สาย
ระบบความปลอดภัยและผู้ช่วยขับขี่ (ADAS) ครบชุด เช่น
- AEB เบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ
- Adaptive Cruise Control (ACC) ควบคุมความเร็วอัตโนมัติ
- Lane Keeping Assist (LKA) ช่วยให้รถอยู่ในเลน
- Blind Spot Detection (BSD) เตือนมุมอับสายตา
- One Touch Reverse ถอยอัตโนมัติได้ไกลถึง 100 เมตร
อีกหนึ่งนวัตกรรมคือ Intelligent Rainy Night Mode ที่ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในสภาพอากาศไม่เอื้ออำนวย ผ่านการทำงานร่วมกันของกล้องและช่วงล่างถุงลมอัจฉริยะ
โปรโมชั่นและข้อเสนอพิเศษ: จัดเต็มไม่มีกั๊ก
MG รู้ดีว่าการแข่งขันในตลาด EV ไม่ได้จบแค่สเปก แต่ต้องชนะใจผู้บริโภคด้วย โปรโมชั่นและความมั่นใจระยะยาว ดังนั้นข้อเสนอของ IM6 Premium LONG RANGE จึงเรียกได้ว่าจัดหนักที่สุดคันหนึ่งในตลาด
- ราคาพิเศษ 1,499,900 บาท (จากปกติ 1,599,900 บาท)
- ฟรีประกันภัยชั้น 1 และ พ.ร.บ. นาน 1 ปี
- ฟรี MG Home Charger พร้อมค่าติดตั้ง
- ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนน 5 ปี
- ฟรีค่าบริการระบบ i-SMART 5 ปี
- ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ผ่อนนาน 48 เดือน
- รับประกันคุณภาพรถ 5 ปี หรือ 160,000 กม.
- Lifetime Warranty สำหรับแบตเตอรี่และมอเตอร์
เพียงแค่ Lifetime Warranty ก็ถือเป็นข้อเสนอที่ทำให้ MG กลายเป็นแบรนด์แรก ๆ ที่กล้า “พลิกเกมความมั่นใจ” ของลูกค้า EV ในไทย

จุดแข็ง
- ระยะทางวิ่งไกลที่สุดในคลาส – 750 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
- เทคโนโลยีชาร์จเร็ว 800V – 18 นาทีจาก 10-80%
- ฟีเจอร์จัดเต็มระดับรถหรู – ระบบเลี้ยว 4 ล้อ, Crab Mode, One-Touch Parking
- โปรโมชั่นคุ้มค่า – ฟรีของแถมและ Lifetime Warranty
จุดที่ควรพัฒนา
แม้ IM6 จะโดดเด่น แต่ก็ยังมีเสียงวิจารณ์จากสื่อบางเจ้า เช่น Top Gear UK ที่ระบุว่าช่วงล่างยังแข็งไปบ้างบนถนนขรุขระ ขณะที่วัสดุภายในแม้จะดีกว่ารถจีนหลายค่าย แต่ก็ยังไม่ถึงระดับ Tesla หรือ BMW
นี่เป็นโจทย์ที่ MG ต้องปรับปรุงต่อไป เพื่อยกระดับคุณภาพและประสบการณ์ผู้ขับให้ใกล้เคียงคู่แข่งยุโรปมากขึ้น
มุมมองผู้บริโภค: ใครควรซื้อ?
- ครอบครัว – เหมาะสำหรับการเป็นรถคันหลัก ห้องโดยสารกว้าง และระบบความปลอดภัยครบ
- คนรุ่นใหม่ – ชอบเทคโนโลยีล้ำสมัย ดีไซน์โดดเด่นไม่ซ้ำใคร
- นักเดินทางไกล – ระยะทาง 750 กม. และชาร์จเร็วภายใน 18 นาที ตอบโจทย์ที่สุด
MG IM6 Premium LONG RANGE ไม่ใช่แค่ EV รุ่นใหม่ แต่คือการยกระดับแบรนด์ MG ในไทยให้ก้าวสู่ตลาดพรีเมียมอย่างแท้จริง ด้วยระยะทางวิ่งที่ไกลที่สุดในคลาส เทคโนโลยีล้ำสมัย โปรโมชั่นจัดเต็ม และการรับประกันแบบ Lifetime Warranty
สำหรับผู้บริโภคที่กำลังมองหา EV คันหลักที่ “ครบ” ทั้งด้านสมรรถนะ ความสะดวกสบาย เทคโนโลยี และความคุ้มค่า MG IM6 Premium LONG RANGE คือหนึ่งในคำตอบที่ชัดเจนที่สุดในปี 2025
FAQs – MG IM6 Premium LONG RANGE
Q1: MG IM6 Premium LONG RANGE วิ่งได้ระยะทางไกลสุดเท่าไร?
A1: วิ่งได้สูงสุด 750 กิโลเมตร ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง (มาตรฐาน NEDC) ถือว่าไกลที่สุดในคลาส EV พรีเมียม
Q2: ใช้เวลาชาร์จนานแค่ไหน?
A2: รองรับการชาร์จเร็ว DC 396 kW สามารถชาร์จจาก 10–80% ได้ภายใน 18 นาที
Q3: ราคาจำหน่ายอยู่ที่เท่าไร?
A3: ราคาพิเศษช่วงเปิดตัว 1,499,900 บาท (จากราคาปกติ 1,599,900 บาท)
Q4: มีโปรโมชั่นหรือข้อเสนอพิเศษอะไรบ้าง?
A4: ฟรีประกันภัยชั้น 1 + พ.ร.บ. 1 ปี, ฟรี MG Home Charger พร้อมติดตั้ง, ฟรีบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 5 ปี, ฟรีระบบ i-SMART 5 ปี, ดอกเบี้ยพิเศษ 1.99% ผ่อน 48 เดือน, รับประกันคุณภาพรถ 5 ปี และ Lifetime Warranty สำหรับแบตเตอรี่และมอเตอร์
Q5: สมรรถนะการขับขี่เป็นอย่างไร?
A5: มอเตอร์เดี่ยวขับเคลื่อนล้อหลัง กำลังสูงสุด 407 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร พร้อมระบบเลี้ยว 4 ล้อ และ Crab Mode
Q6: เทคโนโลยีอัจฉริยะที่ติดตั้งมาในรถมีอะไรบ้าง?
A6: ระบบ IM OS, หน้าจอคู่ Immersive Display, ระบบจอดอัตโนมัติ One Touch Parking, One Touch Reverse, ระบบ ADAS ครบชุด เช่น AEB, ACC, LKA, BSD
Q7: ดีไซน์ภายนอกและภายในแตกต่างจากคู่แข่งอย่างไร?
A7: ภายนอกใช้แนวคิด Gentle Sculpture เน้นเส้นสายโค้งมน ไฟหน้า L-Shape, หลังคากระจกพาโนรามิก ภายในห้องโดยสารกว้าง ใช้วัสดุ Soft Touch พร้อมเบาะ POPO Sofa และระบบไฟ Ambient Light 256 สี
Q8: MG IM6 Premium LONG RANGE เหมาะกับใครบ้าง?
A8: เหมาะกับครอบครัวที่ต้องการรถคันหลัก, คนรุ่นใหม่ที่ชอบเทคโนโลยี, และผู้ที่เดินทางไกลบ่อย ต้องการ EV ที่ชาร์จเร็วและวิ่งได้ไกล
Q9: จุดเด่นที่แตกต่างจาก Tesla Model Y หรือ BYD Sealion 7 คืออะไร?
A9: จุดเด่นหลักคือ ระยะทางวิ่งที่ไกลกว่า (750 กม.), การชาร์จไวระดับ 18 นาที และโปรโมชั่น Lifetime Warranty ที่คู่แข่งยังไม่มี
Q10: จุดที่ควรพัฒนาในรุ่นนี้มีอะไรบ้าง?
A10: ช่วงล่างยังมีเสียงวิจารณ์ว่าค่อนข้างแข็งเมื่อเจอถนนขรุขระ และวัสดุภายในบางส่วนยังไม่ถึงระดับรถหรูยุโรป